หากคุณกำลังอยากส่งของแช่เย็นแต่ไม่แน่ใจว่าสามารถส่งอะไรได้บ้าง หรือมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร เรารวมคำตอบมาให้แล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
ส่งของแช่เย็นมีอะไรบ้าง
พัสดุที่เหมาะสำหรับการส่งของแช่เย็นหลัก ๆ ประกอบไปด้วยอาหาร ผัก ผลไม้ เครื่องดื่ม หรือพัสดุที่เสี่ยงต่อการเน่าเสียและจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมอุณหภูมิอย่างคงที่ตั้งแต่ 0 – 8 องศา
ขั้นตอนการส่งของแบบแช่เย็น
สำหรับขั้นตอนการเตรียมพัสดุส่งของแช่เย็นค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่าการส่งพัสดุทั่วไปตรงที่จำเป็นต้องมีการเตรียมพัสดุล่วงหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าระหว่างทางจะไม่เสียต่อการเกิดความเสียหายหรือเน่าเสีย โดยขั้นตอนหลัก ๆ ประกอบไปด้วย
- แพ็กผัก ผลไม้ หรือสิ่งที่ต้องการส่งใส่ในถุงหรือซิปล็อกที่สามารถทนอุณหภูมิต่ำได้
- นำไปแช่ในช่องฟรีซหรือความเย็นระหว่าง 0 – 8 องศาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
- หลังจากครบชั่วโมงแล้วให้นำมาบรรจุใส่กล่องหรือลังโฟม ก่อนจะใส่วัสดุกันกระแทกและวัสดุทำความเย็นลงไป วัสดุทำความเย็น เช่น เจลเย็น น้ำแข็งแห้ง น้ำแข็ง สามารถเลือกแบบไหนก็ได้
- ทำการปิดฝากล่องโฟมหรือลังให้สนิทและติดด้วยเทปกาว เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองเข้าไปด้านในได้
- เขียนที่อยู่ ช่องทางการติดต่อ และรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ด้านในกล่องพัสดุ
- รอบริษัทขนส่งพัสดุเข้ามารับของหน้าบ้านและนำไปส่งอย่างปลายทาง
- ส่วนวิธีการชำระเงินสามารถเลือกชำระเลยให้กับทางบริษัทขนส่งหรือเก็บเงินปลายทางก็ได้
เลือกบริษัทขนส่งแช่เย็นยังไงดี
หากอยากมั่นใจว่าสามารถส่งของแช่เย็นภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเหมาะสม มีปัจจัยที่จำเป็นต้องพิจารณาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเลือกบริษัทขนส่ง ดังนี้
- รายละเอียดในส่วนของระบบการควบคุมอุณหภูมิ ทางบริษัทต้องมีการแจกแจงรายละเอียดให้เราเข้าใจว่าการขนส่งแช่เย็นของทางบริษัทนั้นมีการจัดส่งแบบไหนหรือใช้วิธีการที่คุณอุณหภูมิแบบใด เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดการเดินทางจะไม่ทำให้พัสดุเน่าเสีย
- สามารถให้คำแนะนำหรือคำปรึกษากับเราได้ หากคุณไม่เคยขนส่งมาก่อนหรืออาจไม่มีความรู้เกี่ยวกับการแพ็กของหรือมีข้อสงสัยต้องสามารถขอคำปรึกษาฟรี
- ส่งของทั่วไทย ไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเข้าไปในหมู่บ้าน ตำบลไหน อำเภอใด จังหวัดอะไรก็ล้วนเข้าถึง ไม่ต้องให้คนที่อยู่ปลายทางต้องออกมารับพัสดุด้วยตัวเองแต่ส่งตรงถึงหน้าบ้าน
และสุดท้ายก่อนส่งของแช่เย็นอย่าลืมดูปัจจัยด้านความปลอดภัยว่าบริษัทนั้น ๆ มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องหรือไม่ มีใบอนุญาตหรือเปล่า รวมถึงมีการระบุแหล่งที่ตั้งชัดเจนมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้แน่ใจว่าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจะสามารถหาทางแก้ไขได้